ถั่งเช่า อันตราย จริงหรือ ?

ถั่งเช่า อันตราย จริงหรือ ?
ก่อนอื่นเรามาเจาะลึกข้อมูลของ “ ถั่งเช่า ” เพื่อทำความรู้จักถั่งเช่ามากยิ่งขึ้น
โดยทั่วไป เรามักจะคุ้นเคยกับ ถั่งเช่า ที่มีลักษณะทางกายภาพ ครึ่งหนึ่งเป็นหนอน อีกครึ่งหนึ่งเป็นเห็ด

ตามบันทึกทางประวัติศาตร์สมัยโบราณ ปี ค.ศ. 620 (พ.ศ. 1163) มีการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคอย่างน่าอัศจรรย์ มักจะพบตามธรรมชาติในเขตพื้นที่บนเทือกเขาสูง มีความกดอากาศต่ำและอากาศหนาวจัด ได้แก่ มณฑลชิงไห่ มณฑลซินเจียง ทิเบต เนปาล อินเดีย และภูฏาน จึงเรียกสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ว่า ถั่งเช่าทิเบต หรือ ตังถั่งเช่า (冬蟲草) มีความหมายว่า “หญ้าหนอน” ซึ่งเป็นชื่อเรียกตามวงจรชีวิตของเห็ดถั่งเช่า “ฤดูหนาวเป็นหนอน ฤดูร้อนเป็นหญ้า” นั่นเอง
ฤดูหนาวเป็นหนอน ฤดูร้อนเป็นหญ้า คือ อะไรกัน ?
ถั่งเช่าทิเบตเกิดจาก การผสมกันโดยบังเอิญระหว่างเห็ดราและแมลง ในช่วงฤดูร้อนจะเป็นช่วงที่ หนอนผีเสื้อ ออกหากินและวางไข่ ในขณะเดียวกันก็มี เชื้อราชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cordyceps Sinensis เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่ก็จะสร้างสปอร์เพื่อขยายพันธุ์ สปอร์จะปลิวไปตามสายลม กระจายไปทั่วทุกทิศทาง สปอร์ส่วนหนึ่งจะตกอยู่ตามพื้นดิน หนอนผีเสื้อ ที่กินหญ้าก็บังเอิญกินสปอร์เข้าไปด้วย
เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว หนอนผีเสื้อ ก็จะฝังตัวเพื่อจำศีลอยู่ใต้พื้นดินที่มีหิมะปกคลุม สปอร์ที่ถูกกลืนกินเข้าไปจะเริ่มดูดสารอาหารและแร่ธาตุต่าง ๆ จากตัวหนอนอย่างช้า ๆ พร้อมกับการสร้างเส้นใยแผ่ขยายไปทั่วตัวหนอนเช่นเดียวกัน จนกระทั่ง หนอนตัวนั้นถูกควบคุมและบังคับให้คลานขึ้นไปใกล้สู่พื้นดิน ส่วนที่เป็นเห็ดจะเริ่มงอกออกจากตัวหนอน เพื่อรับแสงจากดวงอาทิตย์ ส่วนหนอนที่ถูกควบคุมจะตายไปในที่สุด
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เกิดขึ้นวนเวียนไปเรื่อย ๆ จนเป็นวัฏจักรเป็น
ยาวไปอยากเลือกอ่าน
วงจรกำเนิดของเห็ดถั่งเช่าทิเบต

แม้ว่า ถั่งเช่าทิเบต จะถูกค้นพบในทุก ๆ ปี แต่ก็ยังถือเป็นของที่หาได้ยากในสมัยนั้น ถั่งเช่าทิเบต จึงเป็นของมีค่าดุจดั่ง ทองคำ และถือเป็นของ “ต้องห้าม” สำหรับประชาชนทั่วไป มีเพียงจักพรรดิ์และราชวงศ์เท่านั้นที่สามารถครอบครองไว้ได้
จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจมากนักที่ “ถั่งเช่า” จะปรากฏอยู่ในตำรับสูตรอาหารจักพรรดิ์ รวมถึงตำรายาหลวงอีกด้วย
ด้วยสรรพคุณทางยาที่สามารถรักษาโรคได้หลากหลาย ในทางการทางการแพทย์แผนจีน นับว่า “ถั่งเช่า” เป็นสมุนไพรจีนเพียงชนิดเดียวที่สามารถรักษาสมดุลของหยินและหยาง (ร้อน-เย็น) ได้เป็นอย่างดี สาเหตุนี้เอง “ถั่งเช่า” จึงนับว่าเป็น สุดยอดยาอายุวัฒนะ เลยก็ว่าได้
หลายคนคงจะเคยเห็นข่าวที่มักจะแชร์ต่อ ๆ กันมาว่าแท้จริงแล้ว ถั่งเช่า อันตราย แถมไม่มีประวัติศาสตร์ยาจีน !?
หากจะกล่าวว่า ถั่งเช่า ไม่มีประวัติศาสตร์ยาจีน เลยเสียทีเดียว คงไม่ถูกต้อง ย้อนกลับไปเมื่อ ค.ศ. 620 (พ.ศ. 1163) ถั่งเช่า ถูกบันทึกไว้ครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์จีนถึงการค้นพบสมุนไพรรูปร่างคล้ายสิ่งมีชีวิตและมีสรรพคุณที่น่าอัศจรรย์ มีการบันทึกข้อมูลของ ถั่งเช่า ในหนังสือ The Ben Cao Cong Xin ซึ่งเป็นหนังสือตำรายาจีนที่เก่าแก่ที่สุดและได้รับการยอมรับทางวิทยาศาตร์อีกด้วย

แต่เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) องค์การอาหารและยาแห่งประเทศจีน (CFDA) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการถอดถอนถั่งเช่าจากการเป็นส่วนประกอบของอาหาร

ต่อมา เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) องค์การอาหารและยาแห่งประเทศจีน (CFDA) ได้ออกประกาศเตือนการใช้ถั่งเช่าจากธรรมชาติอย่างเป็นทางการ เนื่องจากมีการตรวจพบสารหนู (Cyanide : ไซนาไนด์) ในปริมาณที่สูงเกินกว่ามาตรฐานกำหนดถึง 4.4-9.9 มิลลิกรัม (ไม่ควรเกิน 1 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม) หากรับประทานถั่งเช่าที่มีสารหนูหรือโลหะหนักปนเปื้อนในปริมาณสูงกว่ามาตรฐาน 4-9 เท่า ในระยะยาว ย่อมส่งผลให้มีการสะสมของสารพิษภายในร่างกายและเป็นอันตรายต่อชีวิตอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ทางองค์การอาหารและยาแห่งประเทศจีน (CFDA) ก็ยังมีการลงทะเบียนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากถั่งเช่า 19 ชนิด ซึ่งสรุปได้ว่า “ถั่งเช่า” ยังสามารถผลิตเป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพได้ เพียงแต่ไม่ควรเป็น ถั่งเช่า เพียงอย่างเดียว และต้องมีการตรวจสอบไม่ให้มีสารปนเปื้อนประเภท โลหะหนัก หรือ สารหนู เจือปนเกินกว่ามาตรฐานกำหนด

แล้วอย่างนี้ เราควรเลือก ถั่งเช่า อย่างไร ถึงจะปลอดภัย ?
ก่อนอื่น เราคงต้องพิจารณา คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน
☑ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ถั่งเช่า ไม่ควรมีแค่ถั่งเช่า
การรับประทาน ถั่งเช่า ที่มีสารปนเปื้อนในปริมาณสูง ล้วน ๆ เพียงอย่างเดียวต่อเนื่องในระยะยาว อาจส่งผลให้เกิดการสะสมของสารพิษปนเปื้อนภายในร่างกายและอันตรายต่อชีวิต
☑ ถั่งเช่า สามารถระบุแหล่งที่มาที่ชัดเจนได้
การเลือกรับประทาน ถั่งเช่า ควรคำนึงถึงแหล่งที่มาที่ไปที่ชัดเจนและตรวจสอบได้ แม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่สามารถเพาะเลี้ยงเห็ดถั่งเช่าที่เกิดจากตัวหนอนได้ แต่ด้วยนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป จึงเกิดเป็น ถั่งเช่าสีทอง ที่สามารถเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการได้ สามารถระบุถึงแหล่งที่มาที่ไปได้อย่างชัดเจน
☑ มีการตรวจสอบค่าความเป็นพิษและสารปนเปื้อนอยู่เสมอ
ถั่งเช่าสีทอง ปัจจุบันมีการนำมาแปรรูปและวางจำหน่ายอย่างแพร่หลายในรูปแบบอาหารเสริม โดยมีคุณภาพที่หลากหลายให้ผู้บริโภคได้เลือกสรร ตั้งแต่คุณภาพสูงที่สุดไปจนถึงล่างสุด อาหารเสริม ถั่งเช่าสีทอง คุณภาพที่ดีที่สุด ควรมีเพาะเลี้ยงและตรวจสอบคุณภาพโดยนักวิจัยระดับมืออาชีพ ซึ่งถือว่าเป็นการการันตีความปลอดภัยของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
☑ มีมาตรฐานการเพาะเลี้ยงที่ได้รับการรับรองโดยหน่วยงานของภาครัฐ
ถั่งเช่าสีทอง ควรได้รับการรับรองมาตรฐานการเพาะเลี้ยงจากหน่วยงานภาครัฐ คือ มาตรฐาน GAP หรือต้องได้รับการรับรองมาตรฐานที่ยกระดับขึ้นมาจากมาตรฐาน GAP นั่นก็คือ มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (Organics Thailand)
☑ ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องกับสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรืออาหารเสริม ต้องมีการรับรองโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อพิจารณาและประเมินความถูกต้องให้สอดคล้องตามที่กฎหมายกำหนด (เลขที่จดแจ้ง : 12-1-09448-5-0036)
☑ มีปริมาณสารสำคัญอย่าง คอร์ไดซิปิน (Cordycepin) ที่เพียงพอ
สารคอร์ไดซิปินคือ สารสำคัญเฉพาะตัวที่มีอยู่ในถั่งเช่า ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ในการการันตีว่าคุณไม่ได้กำลังบริโภคซากถั่งเช่าอยู่ เพราะว่า สารคอร์ไดซิปิน มีสรรพคุณทางยาที่ช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งโรคหอบหืด โรคเบาหวาน ความดัน ตลอดจนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต บำรุงปอด บำรุงไต และเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายได้อีกด้วย


บทความเพิ่มเติม :
- อาหารเสริม ถั่งเช่า ยี่ห้อไหนดี ?
- อาหารเสริมแคปซูล VS เม็ดตอก เลือกใช้อย่างไรให้ดี
- 7 เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับถั่งเช่า
- ถั่งเช่ามาตรฐานระดับสากล
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม